5 เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อสุขภาพที่ต้องจับตามอง
ท่ามกลางกระแสการดูแลสุขภาพที่กำลังเติบโตซึ่งตีคู่มากับสังคมผู้สูงวัย ปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ก็ยิ่งเป็นที่ตระหนักมากขึ้น หลายหน่วยงานที่ให้บริการด้านสุขภาพจึงจำเป็นต้องพัฒนาแนวทางให้บริการที่ดีกว่าและยั่งยืนด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าช่วย และต่อไปนี้คือ 5 เทรนด์ที่ควรแก่การจับตามอง
5 เทรนด์ด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปี 2025
1. Generative AI
จากผลสำรวจปี 2024 โดย Philips Future Health Index report พบว่า 92% ของผู้บริหารหน่วยงานด้านสุขภาพเชื่อว่าเทคโนโลยีอัตโนมัติคือกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากร โดย 85% มีแผนจะลงทุนใน Generative AI ภายใน 3 ปี
Generative AI สามารถช่วยจัดการรายงานประวัติผู้ป่วยจำนวนมาก ทำให้ทีมแพทย์เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้รวดเร็วขึ้น และทำให้การวินิจฉัยอาการที่ซับซ้อนง่ายมากขึ้น
2. ศัลยกรรมยุคใหม่
การผ่าตัดเล็ก (minimally invasive) กำลังเข้ามาแทนที่การผ่าตัดใหญ่แบบดั้งเดิม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น ลดความเจ็บปวด และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน
การบูรณาการระบบซอฟต์แวร์และเครื่องมือต่างๆ เข้าด้วยกัน จะช่วยให้แพทย์วางแผนการผ่าตัดได้อย่างมั่นใจ ตัวอย่างเช่น นวัตกรรม Image-guided therapy ของฟิลิปส์สำหรับรักษาโรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น
3. Telehealth
อัตราการรักษาทางออนไลน์เพิ่มขึ้นมากตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 ซึ่งมีแง่ดีคือช่วยเพิ่มการเข้าถึงระบบสาธารณสุขสำหรับผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกล
เทคโนโลยีเหล่านี้ประกอบด้วยเครื่องติดตามสัญญาณชีพทางไกลและอัลตราซาวด์ ณ จุดบริการ ร่วมกับการปรึกษาแพทย์ผ่านวิดีโอออนไลน์ ช่วยให้แพทย์ปฐมภูมิสามารถดูแลผู้ป่วยได้ถึง 40% ร่วมกับการรับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทาง
4. นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน
ปัจจุบันนี้ อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 4.4% ของโลก ซึ่งการใช้ AI จะช่วยวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทานและลดการใช้พลังงานลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม การใช้ AI เพิ่มขึ้นก็อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากทำให้ต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 26-36% ต่อปี และมีการวิเคราะห์ว่า Generative AI อาจสร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์สูงถึง 2.5 ล้านตันภายในปี 2030
5. ข้อมูลสารสนเทศและดิจิทัลเฮลท์ตอบโจทย์พ่อแม่ยุคใหม่
พ่อแม่ยุคใหม่รู้จักใช้อุปกรณ์อัจฉริยะ (Smart device) และแอปพลิเคชันต่างๆ ในการดูแลลูก โดยงานวิจัยพบว่า 80% ของพ่อแม่ในสหรัฐฯ และ 79% ในยุโรปล้วนใช้อุปกรณ์สมาร์ทเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน
ตัวอย่างของอุปกรณ์เหล่านี้รวมถึงอุปกรณ์สวมใส่ (Wearables) เช่น ถุงเท้า จุกนม และเครื่องติดตามที่สามารถให้ข้อมูลเรียลไทม์เกี่ยวกับสัญญาณชีพของเด็ก นอกจากนี้ บางอุปกรณ์ที่ติดตั้ง AI ในตัวยังสามารถแปลเสียงร้องของทารกเพื่อบอกความต้องการได้อีกด้วย ซึ่งแม้จะไม่เทียบเท่ากับการดูแลด้วยตนเอง แต่ก็ช่วยให้พ่อแม่มั่นใจในการดูแลลูกมากขึ้น
จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยียุคใหม่ทวีบทบาทมากขึ้นในการดูแลสุขภาพของผู้คนในปัจจุบัน ดังนั้นการรู้จักและนำมาใช้อย่างเหมาะสมจะช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีโดยลดความจำเป็นในการไปหาหมอและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องลง คอยติดตามข่าวสารอินเทรนด์เกี่ยวกับสุขภาพ ความงามและเทคโนโลยีเหล่านี้ได้จาก COSMEX Blog ฉบับถัดไป หรือมาชมตัวอย่างเทคโนโลยีด้านความงามและสุขภาพได้ที่งาน COSMEX 2025 ระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2025 ที่ไบเทค บางนา