ASEAN’s Cosmetics & Dietary Supplement Manufacturing Event
4 - 6 พฤศจิกายน 2568

รู้เทรนด์ รู้ทันผู้บริโภค ต่อยอดธุรกิจความงามสู่อนาคต

ผู้ประกอบการในยุคปัจจุบันล้วนตระหนักถึงความท้าทายในการมัดใจผู้บริโภครุ่นใหม่ แล้วมีวิธีใดบ้างไหมที่จะวิเคราะห์แนวโน้มตลาดได้ล่วงหน้า เพื่อให้การพัฒนาสินค้าและบริการสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

คุณรัชดา อภิรมย์เดช ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร THINK NEXT ASIA องค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านเทรนด์ผู้บริโภค ได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์ความงามและสุขภาพในงาน COSMEX CHIC CHAT ซึ่งจัดโดยอาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งผู้ผลิตและผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้วางกลยุทธ์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจ โดยมี 4 เทรนด์หลักที่ควรทราบดังนี้

เทรนด์ 1: Sustainability on Display

แบรนด์ต้องแสดงออกถึงการทุ่มเทให้กับความยั่งยืน และแสดงถึงคุณค่าอันแท้จริงที่มอบให้กับผู้บริโภคอย่างชัดเจน ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทความงามและสุขภาพในอาเซียน 66% ต่างสื่อสารถึงเป้าหมายด้านความยั่งยืน แต่ 70% ยังใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ดังนั้นแบรนด์ต้องคำนึงถึงเป้าหมายที่ทำได้จริงและปฏิบัติให้ได้ตามคำสัญญา เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์เพราะผู้บริโภคยุคใหม่พร้อมที่จะเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์และแบรนด์ใหม่ๆ ตลอดเวลา

 

เทรนด์ 2: AI Genie

ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามกว่า 80% เชื่อว่า AI จะช่วยยกระดับการสร้างประสบการณ์อันเป็นส่วนตัวสำหรับผู้บริโภคแต่ละราย เช่นการนำเสนอสกินแคร์ที่เข้ากับผิวของแต่ละบุคคลโดยยึดจากการวิเคราะห์สภาพผิว หรือการนำเสนอเทรนด์สีที่มาแรงหรือเหมาะกับแต่ละโอกาส ดังนั้นควรศึกษาจากตัวอย่างของแบรนด์ที่ใช้ AI ในการดึงความสนใจของผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ เช่นการใช้นวัตกรรม PerfectGPT for Beauty ซึ่งมอบโซลูชัน AI ด้านความงามและแฟชั่นเพื่อให้คำตอบกับคำถามที่ผู้บริโภคค้นหา เช่น ความงาม การดูแลผิว เส้นผม แฟชั่น เป็นต้น

เทรนด์ 3: Now Commerce

ผู้บริโภคในปัจจุบันคาดหวังว่าแบรนด์จะนำเสนอตัวเองในเวลาที่ถูกต้อง สถานที่ที่ถูกต้อง และบริบทที่ถูกต้อง โดยตัวอย่างก็คือการใช้สื่อแบบหลากหลายช่องทาง (Omnichannel) ที่กำลังพัฒนาไปสู่ความไร้ช่องทาง (Channel-less) ซึ่งมุ่งเน้นที่ประสบการณ์อันไร้รอยต่อของผู้บริโภคผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ประสานกันอย่างไหลลื่นและสะดวกในการค้นหาข้อมูลและสั่งซื้อ ซึ่งจะทำให้แบรนด์เป็นที่ชื่นชอบและเพิ่มยอดขายมากขึ้น

เทรนด์ 4: Brand Care

ผู้บริโภคในปัจจุบัน ทั้ง Gen Y และ Z ต่างใช้จ่ายด้านสุขภาพและการดูแลร่างกายมากกว่าผู้บริโภคที่สูงวัยกว่า โดยมีความคาดหวังว่าแบรนด์จะดูแลร่างกายและจิตใจของพวกเขาได้จริง และมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งภาพลักษณ์และคุณภาพชีวิตที่ต้องการโดยไม่เสียดาย ตัวอย่างก็คือมูลค่าของผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 83,200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2027 โดยเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 8.2% และ 50% ของผู้บริโภคจะเป็นเพศหญิงในวัย 18-24 ปี และอีกเทรนด์ที่ควรทราบก็คือ “Deinfluencer” ในสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งตรงข้ามกับ “Influencer” เพราะคนเหล่านี้ออกมาพูดความจริงเบื้องหลังสิ่งที่ทุกคนเห็นในโซเชียลมีเดีย เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่เกิดอาการซึมเศร้าจากการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้ที่ตนมองว่าสวยกว่าหรือมีชีวิตดีกว่า ซึ่ง Deinfluencer เหล่านี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ฝ่ายที่ต้องการแสดงว่าตนเองซื่อสัตย์และไม่หลอกลวงผู้บริโภคในการตลาดของตน

 

จะเห็นได้ว่าโลกธุรกิจความงามและสุขภาพนั้นมีความไดนามิกและเชื่อมโยงจนแทบเป็นเนื้อเดียวกับกระแสของยุคสมัย ดังนั้นโจทย์สำคัญที่ผู้ประกอบการความงามต้องตีให้แตกก็คือ  ผลิตภัณฑ์และแบรนด์ของตนยังดำเนินตามแนวทางเดิมๆ อยู่หรือไม่ และทุกวันนี้ได้เริ่มนำแนวคิดที่จะพาเทรนด์ไปสู่อนาคตเหล่านี้มาใช้ประกอบการวางแผนธุรกิจแล้วหรือยัง

 

หากคุณคือหนึ่งในผู้ประกอบการความงาม หรือสนใจในการเริ่มต้นธุรกิจความงามและสุขภาพ อย่าพลาดงาน “คอสเม็กซ์ 2025” เป็นเวทีรวมตัวผู้ผลิต OEM/ODM ตลอดจนเทคโนโลยีในการผลิตเครื่องสำอางและบรรจุภัณฑ์ที่ครบครันที่สุดในอาเซียน ระหว่าง 4-6 พฤศจิกายน 2025 ณ ไบเทค กรุงเทพฯ