สูตรลับความสำเร็จ!
ทำธุรกิจหรือเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางไม่ได้เริ่มจากศูนย์เสมอไป แค่มีทางลัดที่ดี
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมความงามในปัจจุบันกำลังคึกคักและมีอัตราการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง สังเกตได้จากแบรนด์ความงามที่เกิดขึ้นมามากมาย รวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
จากข้อมูลเผยว่าตลาดความงามโลกปี 2023-2027 อุตสาหกรรมเครื่องสำอางทั่วโลกมีมูลค่ารวม 427 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ 6% ต่อปี หรือเกือบ 580 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2027 ขณะที่ประเทศไทยก็มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทยเผยว่า ปัจจุบันตลาดความงามของไทยมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 258,275 ล้านบาท เติบโต 11.6% โดยแบ่งเป็นสินค้ากลุ่มพรีเมียม 50,277.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% และกลุ่มสินค้าทั่วไป 175,880.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.55% โดยการเติบโตของสินค้าส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มสกินแคร์ 41.78% กลุ่มดูแลเส้นผม 15.20% และกลุ่มดูแลสุขภาพช่องปาก 11.41%
จะเห็นได้ว่าตลาดความงามยังไปได้อีกไกลและยังมีพื้นที่สำหรับใครที่สนใจธุรกิจนี้หรืออยากจะมีแบรนด์ความงามเป็นของตัวเอง หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน จะคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์อย่างไร รวมถึงผลิตภัณฑ์นั้นต้องได้มาตรฐาน ทั้งหมดนี้คงต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล แต่รู้ไหมว่าการเริ่มต้นธุรกิจหรือการเป็นเจ้าของแบรนด์ความงามในปัจจุบันไม่ต้องเริ่มต้นทำจากการคิดค้นสูตรแล้ว แต่สามารถเริ่มจากคนกลางหรือบริษัทรับผลิตสินค้าหรือเครื่องสำอาง ที่เป็นทางลัดในประสบความสำเร็จการในการเป็นเจ้าของแบรนด์ โดยจะเป็นตัวช่วยในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องการผลิตคิดค้นสูตรเครื่องสำอางให้ได้ตามความต้องการของเรา การกระจายสินค้า ตัวแทนจำหน่าย ผู้ค้ารายย่อย หรือการเลือกซื้อสูตรสำเร็จตามความพึงพอใจมาใช้ภายใต้แบรนด์ของเราเอง บริษัทรับผลิตสินค้าเครื่องสำอางหรือที่รู้จักกันในชื่อ OEM, ODM และ OBM ที่ช่วยสร้างสรรค์สินค้าตามโจทย์ความต้องการของเจ้าของแบรนด์ มีบริการตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้น วางแผนระบบงาน คิดค้นสูตร ควบคุมคุณภาพการผลิต รวมถึงเรื่องบรรจุภัณฑ์และการตลาดอีกด้วย เรามาทำความรู้จักกับ OEM, ODM และ OBM กันดีกว่าว่าคืออะไร และแต่ละประเภทมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
• OEM
OEM หรือ Original Equipment Manufacturer เป็นตัวกลางในการรับผลิตสินค้าให้กับผู้ที่ต้องการมีแบรนด์เป็นของตัวเอง โดยจะผลิตสินค้าตามแบบและความต้องการของลูกค้าซึ่งจะดูแลตั้งแต่กระบวนการผลิตครอบคลุมไปถึงมีเครื่องจักรต่างๆ ในการผลิตสินค้า โดยที่เราไม่ต้องควักเงินในการสร้างโรงงานผลิต เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องจักรในการผลิตสินค้า หรือต้องการผลิตในจำนวนน้อย หรือมีงบจำกัด ข้อดีของโรงงานประเภทนี้คือช่วยประหยัดต้นทุนการผลิต ไม่ต้องใช้เงินทุนสูง แถมยังมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลควบคุมคุณภาพ แต่ผลิตภัณฑ์อาจเป็นสูตรที่คล้ายกัน เพราะมีสูตรสำเร็จรูปให้เลือกอยู่แล้ว
• ODM
Original Design Manufacturer เรียกสั้นๆ ว่า ODM คือโรงงานที่โดดเด่นเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์เน้นไปที่การพัฒนารูปแบบให้ออกมาแตกต่างและสามารถสร้างมูลค่าได้ด้วยดีไซน์ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้พิเศษโดดเด่นกว่าคนอื่น แต่ไม่อยากใช้เงินทุนมากในตอนเริ่มต้น แต่ ODM จะมีต้นทุนสูงกว่า OEMเพราะเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด
• OBM
สำหรับโรงงานผลิตสินค้า OBM หรือ Original Brand Manufacturer เป็นโรงงานที่เจ้าของแบรนด์ผลิตเองไม่ได้ไปจ้างโรงงานข้างนอกผลิตแล้วแปะป้ายแบรนด์ ทำให้มีการออกแบบสินค้าและควบคุมคุณภาพด้วยตัวเองทุกขั้นตอน ทำให้สินค้ามีคุณภาพและความพิเศษน่าสนใจ และที่สำคัญสามารถผลิตได้ในปริมาณมาก แต่โรงงานประเภทนี้จะมีค่าใช้จ่ายสำหรับพนักงาน และใช้ทุนสูงในการสร้างโรงงาน
รู้แบบนี้ ฝันที่จะเป็นเจ้าของแบรนด์ก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว สำหรับใครที่ต้องการมีแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง สามารถมาพบกับ OEM, ODM และ OBM ได้ที่งาน COSMEX 2024 งานนี้เป็นแหล่งรวมเทคโนโลยีความงามมาไว้ในที่เดียว ในวันที่ 5-7 พฤศจิกายน 2024 ที่ไบเทค บางนา
แหล่งอ้างอิง
- ความสวยรอไม่ได้ ดันธุรกิจความงามสดใส กลุ่มสกินแคร์ของไทยเติบโตต่อเนื่อง
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing/marketing/2771071#
- อยากทำธุรกิจครีม เครื่องสำอาง เริ่มต้นอย่างไร โรงงานรับผลิตครีมที่ไหนดี
https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/1143855
- OEM , ODM และ OBM คืออะไร? ทำไมคนทำแบรนด์ถึงต้องรู้จัก !
https://www.revomed.co.th/knowledge/oem%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD/
- โรงงาน OEM , ODM และ OBM คืออะไร? มีความแตกต่างกันอย่างไร?